เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับระบบเงินสด ในอเมริกา
ก่อนที่เราจะไปเหยียบประเทศอเมริกาเราก็ควรจะต้องรู้เรื่องของประเทศเค้าไว้ซักนิดนึงก็จะเป็นการดีไม่น้อยนะครับ.... อันนี้แนะนำสำหรับคนที่จะซื้อทัวร์แบบกรุ๊ปด้วยนะครับ ท่านควรที่จะศึกษาหรืออ่านโปรแกรมที่ท่านซื้อไปด้วยนะครับ เพราะเวลาที่ท่านจะผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง (Immigration) เจ้าหน้าที่เค้าจะต้องถามท่านแน่ ๆ ว่ามาทำอะไร มาเที่ยวกี่วัน ไปที่ไหนบ้าง เป็นต้น หากท่านคิดว่าฉันมากับทัวร์ ไม่ต้องทำอะไรหรือไม่ต้องรู้อะไรเลย อันนี้ผมขอให้คิดใหม่นะครับเพราะถ้าท่านถูกเรียกเข้าห้องเย็นแล้วหล่ะก็หัวหน้าทัวร์ก็ไม่สามารถเข้าไปช่วยท่านได้นะครับ เรื่องน่ารู้สำหรับประเทศอเมริกา จริง ๆ แล้วมันก็มีอยู่เยอะแยะมากมากมาย ผมจะขอเล่าให้ฟังเป็นเรื่อง ๆ เป็นตอน ๆ ไปนะครับ อาจจะมีนอกเรื่องไปที่อื่นบ้าง อันนี้ก็ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้านะครับ
เรื่องแรกเอาเป็นเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ นะครับ เงินเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญ (มาก) ในการเดินทางท่องเที่ยว รวมไปถึงทุกกิจกรรมที่ต้องใช้เงิน ค่าเงินของอเมริกาจะสูงกว่าค่าเงินบาท (อย่างที่เรา ๆ รู้กัน) อัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลล่าห์ กับ เงินบาทของเรา ณ ปัจจุบัน (10 พฤศจิกายน 2568) คือ 1 USD = 32.67 บาท ท่านที่จะเดินทางท่องเที่ยวไปอเมริกา สามารถแลกเงินดอลล่าห์ได้ที่ธนาคารทุกแห่ง (บางสาขาอาจจะต้องโทรจองเงินก่อน) หรือจะแลกที่ร้านแลกเงินต่าง ๆ ก็ได้ หรือถ้าใครที่ไม่มีเวลาจริง ๆ ชีวิตนี้ยุ่งมากจนไม่มีเวลาไปแลกเงิน ก็สามารถที่จะไปแลกเงินที่สนามบินก็ได้ มีเคาเตอร์ให้บริการอยู่หลายจุด อาทิเช่น ชั้นใต้ดิน (ชั้นเดียวกับรถไฟฟ้าใต้ดิน) หรือจะเป็นชั้นผู้โดยสารขาออก ก็มีให้บริการ อัตราแลกเปลี่ยนก็ขึ้นอยู่กับวันนั้น ๆ
ปัจจุบันหลายธนาคารมีบริการที่เรียกว่า Travel Card เราสามารถนำบัตรใบนี้ไปใช้ยังต่างประเทศได้ ไม่ว่าจะเป็นการรูดซื้อของต่าง ๆ เสมือนบัตรเครดิต (แต่บัตรใบนี้จะตัดเงินที่เราแลกเอาไว้ทันที) หรือจะเป็นการกดเงินสดจากตู้ ATM ที่ต่างประเทศ เราสามารถตรวจสอบยอดเงินคงเหลือได้ทันทีจาก application ที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือของเรา และเมื่อกลับมาประเทศไทยแล้ว เราก็สามารถแลกเงินคืนเป็นเงินบาทเข้าบัญชีออมทรัพย์ของเราได้อีกด้วย ผมขอกระซิบบอกเลยว่า อัตราแลกเปลี่ยนของธุรกรรมนี้ ดีกว่าแลกเงินกับธนาคารอีกนะครับ หรือถ้าใครที่หัวการค้าหน่อย ท่านก็สามารถที่จะแลกเงินเก็บเอาไว้เกร็งกำไรได้นะครับ... แต่ก็จะมีข้อจำกดัดของแต่ละธนาคารอยู่เช่นกัน
บัตรอีกชนิด ที่เป็นที่นิยมมาก ๆ ในอเมริกา นั่นก็คือบัตรเครดิต ในอเมริกานิยมใช้บัตรเครดิตมากกว่าการใช้เงินสด ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของที่มีราคาเพียง 1-2 เหรียญพี่ท่านก็รูดบัตรกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นบัตรของค่าย วีซ่า (VISA) หรือมาสเตอร์การ์ด (MASTER CARD) หรือบัตร AMEX (American Express) ก็ยินดีรับทั้งสิ้น และเป็นเรื่องของความปลอดภัยอีกด้วย ที่เราไม่จำเป็นต้องพกเงินสดติดตัวเยอะ ๆ แต่ผมไม่ได้บอกว่าไม่ต้องมีเงินสดติดตัวนะครับ เราควรจะมีเงินสด โดยเฉพาะแบงค์ย่อย ๆ อันนี้แนะนำให้ติดตัวไว้เลย เพราะบางร้าน (ส่วนใหญ่) จะไม่ค่อยรับแบงค์ขนาดใหญ่ พวกแบงค์ 100 หรือแบงค์ 50 ยกตัวอย่างร้านที่ไม่ค่อยจะรับแบงค์ใหญ่ ๆ นะครับ เช่น ร้านกาแฟริมถนน, ร้านอาหารพวกรถเข็นต่าง ๆ ร้านขายน้ำดื่ม เป็นต้น
กลับมาที่เรื่องเงินกันอีกรอบครับ ธนบัตรของอเมริกา จะมีความคล้ายกันเป็นอย่างมาก ขนาดก็จะเท่ากัน สีที่ใช้พิมพ์ก็ยังเป็นสีเขียวที่มีความใกล้เคียงกันอย่างมาก ดังนั้น เวลาที่ท่านจะหยิบเงินออกไปจ่ายอะไรซักอย่าง อย่าลืมดูให้ดี ๆ ว่าท่านกำลังหยิบธนบัตรราคาเท่าไหร่ให้คนขาย ปัจจุบันธนบัตรของอเมริกา มี 7 ชนิด ได้แก่ 1, 2, 5, 10, 20, 50 และ 100ดอลล่าห์
นอกจากนี้ยังมีธนบัตรที่มีการผลิดและใช้หมุนเวียนเฉพาะระหว่างสถาบันทางการเงินอีก 3 ชนิด ได้แก่ธนบัตรใบละ 1,000, 5,000 และ 10,000 เหรียญสหรัฐฯ
สำหรับเงินเหรียญของอเมริกาก็มีใช้เช่นเดียวกันนะครับ และก็มีชื่อเรียกเฉพาะตามมูลค่า ดังนี้
- เหรียญ 1 เซนต์ เรียกว่า “เพนนี” (penny)
- เหรียญ 5 เซนต์ เรียกว่า “นิกเกิล” (nickel)
- เหรียญ 10 เซนต์ เรียกว่า “ไดม์” (dime)
- เหรียญ 25 เซนต์ เรียกว่า “ควอเตอร์” (quarter)
- เหรียญ 1 เหรียญสหรัฐ เรียกว่า “บั๊ก” (buck)