วางแผนเที่ยวอเมริกา EP 2
กลับมาเจอกันอีกครั้งครับ เป็นอย่างไรบ้างกับการบ้านที่ให้ไว้ครั้งที่แล้ว ทุกท่านได้เขียนคำตอบกันออกมาบ้างหรือยัง สำหรับท่านที่ทำการบ้านไว้แล้ว... ก็ลองเอามาดูกันครับว่ามันใช่อย่างที่คิดไว้หรือเปล่า แต่สำหรับท่านที่ยังไม่มีคำตอบให้กับตัวเอง ลองมาดูไปพร้อม ๆ กันครับ ท่านอาจจะมีคำตอบให้กับการเตรียมตัวเที่ยวอเมริกาในครั้งนี้ก็เป็นได้
ข้อที่ 1 คุณขอวีซ่าสำหรับเข้าประเทศอเมริกาแล้วหรือยัง ข้อนี้ไม่ยากเลยครับ ถ้าคุณต้องการจะไปเที่ยวอเมริกา ข้อนี้คือสิ่งแรกที่คุณควรจะไปจัดการ นั่นคือการขอวีซ่า หลาย ๆ คนอาจเคยได้ยิน หรือเคยประสบมากับตัวเองแล้ว สำหรับเรื่องการขอวีซ่าอเมริกา บ้างก็ว่าง่าย บ้างก็ว่ายากเหลือเกิน แล้วยิ่งค่าใช้จ่ายในการขอวีซ่าแต่ละครั้งก็แพงใช่เล่น ปัจจุบันค่าธรรมเนียมในการขอวีซ่าอเมริกาอยู่ที่ US$ 250 ต่อครั้ง (สำหรับวีซ่าท่องเที่ยว) รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูได้ที่ https://www.ustraveldocs.com/th_th/th-niv-visafeeinfo.asp แต่ถ้าท่านไม่มีเวลามาศึกษารายละเอียด ทางเรายินดีให้บริการยื่นคำร้องขอวีซ่าอเมริกาแก่ท่าน สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และติดต่อกับเจ้าหน้าที่ได้ที่ บริษัทจอยฟูล ฮอลิเดย์ จำกัด โทร. 0 2096 3598 กด 0 วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09:00 – 18:00 น. หากคุณคิดที่จะไปเที่ยวอเมริกาแล้วหล่ะก็ การทำวีซ่าอเมริกาเป็นสิ่งจำเป็น และข้อดีอีกอย่างของวีซ่าอเมริกาก็คือ หากเราได้รับการอนุมัติวีซ่า เรา (อาจจะ) ได้วีซ่าถึง 10 ปีกันเลยทีเดียว ดังนั้น หากเรามาบวก ลบ คูณ หาร กับค่าวีซ่าแล้ว ผมว่ามันก็คุ้มค่าที่สุดแล้วหล่ะครับ
ข้อที่ 2 ช่วงเวลาที่คุณจะไปเที่ยวอเมริกา เป็นเดือนอะไร อย่างที่เกริ่นไว้คราวที่แล้วนะครับว่า ช่วงเวลาการเที่ยวอเมริกานั้นจะมีผลกับค่าใช้จ่ายบางอย่างด้วย อาทิเช่น ค่าโรงแรม หรือแม้แต่ค่าเข้าสถานที่เที่ยวบางแห่ง ก็ขึ้นอยู่กับฤดูกาลด้วย ดังนั้นเราลองมาดูกันนะครับว่าเราควรจะไปเที่ยวในช่วงเวลาไหนดี
ฤดูใบไม้ผลิ (Spring) ช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม อุณภูมิประมาณ 9 – 23 องศาเซลเซียส เป็นเดือนที่เพิ่งจะผ่านฤดูหนาวมา แต่ก็ยังคงความเย็นอยู่ สำหรับใครที่ขี้หนาว อันนี้บอกเลยว่าก็ยังคงต้องใส่เสื้อกันหนาวอยู่ แต่ถ้าใครที่ชอบอากาศเย็นสบายแล้วหล่ะก็ ผมแนะนำให้ไปช่วงเดือนนี้เลยครับ ไม่หนาวจนเกินไป
ฤดูร้อน (Summer) ช่วงเดือน มิถุนายน - สิงหาคม อุณภูมิประมาณ 20 – 34 องศาเซลเซียส เป็นเดือนที่ร้อนสุด ๆ สำหรับคนไทยแล้ว แทบจะไม่ต้องปรับตัวอะไรมาก เพราะเราคุ้นชินกับอากาศร้อนอยู่แล้ว แต่ที่อเมริกาดีอยู่อย่างคือ อากาศร้อนของที่อเมริกาจะเป็นร้อนแห้ง คือ ร้อนถึงร้อนมาก แต่ไม่มีเหงื่อ ตัวของเราจะไม่เหนียวเหนอะหนะเหมือนอยู่เมืองไทย แต่ผมขอเตือนไว้ก่อนเลยนะครับว่า ที่อเมริกาแดดนั้นร้อนสุดพลัง อย่าลืมทากันแดดป้องกันผิวไว้ด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้น ผิวคุณจะไหม้แบบที่คุณคิดไม่ถึงกันเลยทีเดียว
ฤดูใบไม้ร่วง (Falls) ช่วงเดือน กันยายน - พฤศจิกายน อุณภูมิประมาณ 7 – 25 องศาเซลเซียส เป็นเดือนที่อากาศกลับมาเย็นสบายอีกครั้ง ต้นไม้ใบหญ้าต่าง ๆ จะเริ่มเปลี่ยนสี จากสีเขียวเป็นสีเหลือง สีส้ม สีแดง เป็นความสวยงามอีกแบบที่เราอาจจะไม่สามารถเห็นได้ในเมืองไทย
ฤดูหนาว (Winter) ช่วงเดือน ธันวาคม - กุมภาพันธ์ อุณภูมิประมาณ -15 ถึง -8 องศาเซลเซียส ใครที่ชื่นชอบความหนาวเย็น ชอบหิมะ แนะนำให้ไปเที่ยวกันในช่วงเวลานี้นะครับ... แต่เตือนไว้อย่างคือฤดูหนาวในอเมริกา มักจะมีพายุหิมะเกิดขึ้นค่อนข้างบ่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแถบฝั่งตะวันออกของประเทศ ดังนั้น ขอให้ท่านตรวจสอบสภาพอากาศก่อนเดินทางด้วยนะครับ
** ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพอากาศ มาจากหนังสือคู่มือนักเดินทางอเมริกาตะวันออก สำนักพิมพ์อทิตตา พับลิเคชั่น จำกัด **
ข้อที่ 3 ตั๋วเครื่องบิน สำหรับเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคลเลยครับ บางท่านอาจจะมีสายการบินในดวงใจอยู่แล้ว หรือบางท่านอาจจะมีโปรแกรมสะสมไมล์ของสายการบินบางสายอยู่ อันนี้ก็สุดแล้วแต่นะครับ... อีกหนึ่งปัจจัยในการเลือกสายการบินก็คือ จุดหมายปลายทางที่เราจะเดินทาง เช่น ท่านกำลังจะเดินทางไปลงที่นิวยอร์ก อันนี้ก็สบายหน่อย เพราะว่าเป็นเมืองใหญ่ สายการบินส่วนมากก็นิยมบินไปลงที่เมืองนี้ ดังนั้น ตัวเลือกของสายการบินก็เลยจะมีให้เราเลือกค่อนข้างเยอะ เช่น All Nippon Airways, Cathay Pacific Airways, China Airlines, EVA Airlines, Emirates, Qatar Airways, China Eastern, China Southern และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งสายการบินที่บินออกจากประเทศไทย จะต้องแวะเปลี่ยนเครื่อง ณ ประเทศหรือเมืองที่เป็นของสายการบินนั้น ๆ เช่น สายการบิน Cathay Pacific ก็จะแวะเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกง สายการบิน All Nippon Airways ก็จะแวะเปลี่ยนเครื่องที่ญี่ปุ่น สายการบิน Emirates ก็จะแวะเปลี่ยนเครื่องที่ดูไบ เป็นต้น แต่ถ้าจุดหมายปลายทางของท่านเป็นเมืองที่ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว หรือไม่ได้เป็นเมืองที่มีสนามบินนานาชาติตั้งอยู่ อันนี้ท่านก็อาจจะต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมว่ามีสายการบินอะไรที่จะบินต่อไปที่เมืองนั้นได้ ปัจจุบัน ท่านสามารถตรวจสอบว่ามีสายการบินอะไรบ้างที่มีให้บริการไปเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก จาก GOOGLE FLIGHT
ข้อที่ 4 งบประมาณในการเดินทาง เรื่องนี้จะถือว่าเป็นเรื่องสำคัญลำดับต้น ๆ เลยก็ว่าได้ เพราะถ้าเราไม่วางแผนดี ๆ งบประมาณในการเดินทางของเราก็อาจจะบานปลาย หรือเกินงบ ทำให้เราไม่สามารถเดินทางได้ หรือเดินทางได้ แต่เราต้องลดบางสิ่งบางอย่างลง ในกรณีที่ท่านเดินทางกับบริษัททัวร์แบบหมู่คณะ ปัญหานี้อาจจะหมดไป เพราะทัวร์นั้น ๆ เค้าจะรวมค่าใช้จ่ายไว้ทั้งหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหาร ค่ารถ ค่าโรงแรมที่พัก ค่าเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ ท่านก็เตรียมไปเฉพาะในส่วนของค่าช้อปปิ้ง กับค่าทิปต่าง ๆ
แต่สำหรับท่านที่เดินทางเที่ยวเอง ในเรื่องนี้อาจจะต้องทำการบ้านเยอะนิดนึง เพราะหากท่านคำนวณผิด หรือคาดการณ์ผิดไป อันนี้ก็จะส่งผลกระทบกับภาพรวมของงบประมาณของท่านอย่างแน่นอน ดีไม่ดีถ้าเรื่องนี้เกิดในระหว่างการเดินทาง อาจจะทำให้ทริปของท่านติดขัดได้ ดังนั้นผมแนะนำให้เตรียมความพร้อมตรงนี้ให้ดี ๆ บัตรเครดิตให้เตรียมไปหลาย ๆ ใบก็ดีนะครับ (ใบที่มีวงเงินเหลือเยอะ ๆ นะครับ ใบที่วงเงินเต็มแล้วเก็บไว้ที่บ้าน) เผื่อฉุกเฉินมันสามารถช่วยคุณได้
ข้อที่ 5 รูปแบบการท่องเที่ยว จะเที่ยวกับบริษัททัวร์ หรือ จะเที่ยวด้วยตัวเอง การเที่ยวทั้ง 2 รูปแบบนี้ มันก็มีข้อดีแตกต่างกันไป การเที่ยวกับบริษัททัวร์ เหมาะกับคนที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก ชอบความสะดวกสบาย มีคนคอยให้บริการ มีคนพาเที่ยว มีคนแนะนำบางสิ่งบางอย่างที่คุณอยากรู้ ซึ่งคน ๆ นั้นก็คือหัวหน้าทัวร์นั่นเอง การเดินทางแบบนี้ จะเดินทางเป็นกรุ๊ปเป็นหมู่คณะ กรุ๊ปนึงจะมีผู้ร่วมเดินทางมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับโปรแกรมที่คุณเลือกซื้อเป็นที่นิยมมากน้อยเพียงใด หรือเป็นของบริษัทใดที่เป็นคนจัดทัวร์นี้ขึ้นมา ข้อดีอีกอย่างของการเที่ยวหมู่คณะนั่นคือ เราจะได้พบเจอกับเพื่อนใหม่ เพื่อนที่ร่วมเดินทางกับเรา บางครั้งบางที ท่านอาจจะได้เจอกับพันธมิตรใหม่ ๆ ก็เป็นได้
ส่วนการเที่ยวด้วยตัวเอง ข้อดีก็คือ เราจะได้ไปในที่ที่เราต้องการจะไปจริง ๆ และได้ใช้เวลาในแต่ละสถานที่นานเท่าที่เราต้องการ รวมไปถึงเราไม่จำเป็นต้องรอใคร เราอยากจะออกจากโรงแรมกี่โมงก็ได้ เราอยากจะอยู่เที่ยวในสถานที่นั้น ๆ นานเท่าไหร่ก็ได้ เป็นต้น
ข้อที่ 6 เมืองที่คุณอยากไปเที่ยว ลองลิสต์ดูหรือยังครับว่ามีเมืองไหนบ้างที่ท่านอยากจะไปเที่ยว เมื่อเราเขียนชื่อเมืองต่าง ๆ ออกมาแล้ว เราก็มาดูกันต่อครับว่าแต่ละเมืองหรือแต่ละที่ที่เราจะไปนั้น มันอยู่ใกล้หรือไกลกันขนาดไหน แต่อย่าลืมว่าประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 - 3 ของโลก บางท่านอาจจะคิดภาพไม่ออก ผมจะยกตัวอย่างให้ชัดเจนขึ้นนะครับ.... เอ่อ.....ประเทศไทยมีขนาดใหญ่ใกล้เคียงกับรัฐแคลิฟอร์เนียของอเมริกาเท่านั้น แล้วคุณลองคิดดูว่าอีก 49 รัฐของอเมริกามารวมกันจะมีขนาดใหญ่กว่าเราแค่ไหน
กลับมาที่เมืองที่เราจะไปเที่ยวกันครับ.... ผมแนะนำให้ท่านเที่ยวเป็นฝั่ง ๆ ไปจะดีกว่านะครับ เช่น ครั้งนี้ท่านก็เก็บเที่ยวฝั่งอเมริกาตะวันตกไปก่อน ครั้งต่อไป (ถ้ามีโอกาส) ก็ไปเที่ยวทางฝั่งตะวันออก และพื้นที่อื่น ๆ ต่อไป สำหรับฝั่งตะวันตก เมืองที่เป็นที่นิยมกัน ก็คือ ซานฟรานซิสโก, ลาสเวกัส, ลอสแองเจลิส, ซานดิเอโก้, ซีแอตเทิ้ล เป็นต้น ฝั่งตะวันออก เมืองที่นิยมกัน ก็คือ บอสตัน, นิวยอร์ก, ฟิลาเดลเฟีย, แอตแลนติก ซิตี้, วอชิงตัน ดี.ซี., น้ำตกในแองการ่า ส่วนเมืองอื่น ๆ ที่ไม่ได้กล่าวถึง แต่ก็เป็นเมืองที่นิยมไปท่องเที่ยวกัน อาทิเช่น เมืองชิคาโก้, เมืองเพจ (Antelope), ไวโอมิ่ง (Yellowstone National Park) เป็นต้น ลองพิจารณาและลองหาข้อมูลกันดูนะครับว่าอยากจะไปที่ไหนก่อนดี
ข้อที่ 7 ระยะเวลาของการท่องเที่ยว อันนี้ก็มีผลกับทริปเช่นกันครับ เพราะถ้าระยะเวลาของการท่องเที่ยวอเมริกาของคุณมันสั้นจนเกินไป มันก็จะทำให้แพลนที่คุณวางไว้ว่าจะไปเมืองนั้น เมืองนี้เป็นไปไม่ได้ เพราะการเดินทางไปยังเมืองต่าง ๆ ก็อาจจะต้องใช้เวลาแตกต่างกันออกไป การเดินทางไปแต่ละเมือง ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้การท่องเที่ยวของคุณเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน ถ้าคุณยังไม่สามารถวางแผนการเดินทางครั้งนี้ได้ ลองโทรเข้ามาปรึกษากับเราได้นะครับ เรามีเจ้าหน้าที่ที่ชำนาญเส้นทางคอยให้คำแนะนำกับคุณอยู่ที่ บริษัทจอยฟูล ฮอลิเดย์ จำกัด โทร. 0 2296 3598 กด 0 วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09:00 – 18:00 น. หรือจะเข้าไปดูโปรแกรมทัวร์ของเราได้ที่ www.joyfulholidays.com ผมหวังว่าข้อมูลข้างต้น จะเป็นประโยชน์อยู่บ้าง ในการตัดสินใจไปเที่ยวอเมริกาในครั้งนี้ของคุณนะครับ